กฎหมายอาญา

กฏหมายอาญา
    

     กฎหมายอาญา คือ กฎหมายที่บัญญัติว่าการกระทำใดเป็นความผิดและได้กำหนดโทษซึ่งจะลงแก่ความผิดนั้นได้แก่ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน
   
     กฎหมายอาญา มีความมุ่งหมายในอันที่จะป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่สังคม เพื่อให้สังคมอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข
   
     กฎหมายอาญา มีประเภทต่าง ๆ หลายประเภท ประมวลกฎหมายอาญาพระราชบัญญัติต่าง ๆ ที่ได้ระบุว่าการกระทำใดเป็นความผิด และมีกำหนดโทษไว้
ล้วนเป็นกฎหมายอาญาทั้งสิ้น เช่นพระราชบัญญัิติยาเสพย์ติดให้โทษ พระราชบัญญัติความผิดเกิดจากการใช้เช็ค พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดเป็นต้น
    

ขอบเขตในการใช้กฎหมายอาญา

1. เวลาที่กฎหมายใช้บังคับ    กฎหมายอาญามีผลใช้บังคับต่อเมื่อขณะที่กระทำผิดนั้น มีกฎหมายบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดและมีกำหนดโทษไว้ และ
โทษที่จะลงแก่ผู้กระทำผิดนั้น ต้องเป็นโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
    หากการกระทำของบุคคลใดในขณะที่กระทำนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและไม่ได้กำหนดโทษไว้ ผู้กระทำนั้นไม่ต้องรับโทษ
ทางอาญา


2. สถานที่ที่กฎหมายอาญาใช้บังคับ    กฎหมายอาญาใช้บังคับได้เฉพาะในราชอาณาจักรไทย การกระทำผิดนอกราชอาณาจักรไม่ต้องรับโทษตามกฎหมายอาญาของไทย
แต่การกระทำผิดในเรือไทย หรืออากาศยานไทยไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ให้ถือว่ากระทำผิดในราชอาณาจักร


3. บุคคลที่กฎหมายอาญาใช้บังคับ     บุคคลทุกคนไม่ว่าสัญชาติใด หากมากระทำผิดในราชอาณาจักรไทย หรือถือว่าการกระทำนั้น เป็นการกระทำผิดในราชอาณาจักรไทย
ใช้กฎหมายอาญาของไทยลงโทษผู้กระทำผิดนั้นได้
สาระสำคัญของความผิดทางอาญา
ความผิดทางอาญา หมายถึง การกระทำหรือละเว้นการกระทำที่กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ โดยปกติการกระทำ
ความผิดอาญาจะต้องเป็นการกระทำภายในราชอาณาจักร ยกเว้นบางกรณี เช่นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร การปลอมแปลงเงินตราและการทำความผิดในเรือไทย หรืออากาศยานไทย ให้ถือว่าเป็นความผิดที่กระทำภายในราชอาณาจักรด้วย
การกระทำ แบ่ง เป็น กระทำโดยเจตนา และกระทำโดยประมาท
กระทำโดยเจตนา หมายถึง กระทำโดยรู้สำนึกและขณะเดียวกันก็ประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผล
กระทำโดยรู้สำนึก คือ ขณะที่กระทำนั้นรู้ว่าตนทำอะไร
กระทำโดยประสงค์ต่อผล คือ ทำไปโดยต้องการให้เกิดผลเช่น แล้วเกิดผลเช่นนั้น ตามที่ตนต้องการ
กระทำโดยย่อมเล็งเห็นผล คือ ผู้กระทำไม่ต้องการให้เกิดผลเช่นนั้นขึ้น แต่รู้อยู่ว่าเมื่อทำเช่นนั้นแล้วต้องเกิดผลเช่นนั้นขึ้นอย่างแน่นอน
กระทำโดยประมาท หมายถึง การกระทำโดยไม่ใช้ความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในฐานะเช่นนั้นสามารถใช้ความระมัดระวังได้แต่ไม่ใช้ให้
เพียงพอ
ละเว้นการกระทำ คือ กฎหมายบังคับให้ทำแล้วไม่ทำ ถือว่าละเว้นการกระทำ โดยมีกฎหมายกำหนดว่าเป็นความผิด
ผู้ร่วมกระทำผิดอาญา
    
     การกระทำผิดอาญานั้น ผู้ใดทำผิดผู้นั้นต้องรับโทษ แต่หากมีบุคคลอื่นเข้ามามีส่วนร่วมในการกระทำผิดผู้นั้นก็ต้องร่วมรับโทษด้วย
1. ตัวการ คือ คนตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไปร่วมมือร่วมใจกันกระทำผิด
    ร่วมมือ คือ ร่วมกระทำที่แสดงออกมาภายนอก
    ร่วมใจ คือ มีเจตนาร่วมกระทำผิด เป็นการกระทำที่อยู่ภายใน สามารถทราบได้ทางพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ส่อแสดงให้เห็นว่า ผู้กระทำ
มีเจตนาเช่นนั้น เช่น นาย ก กับ นาย ข ได้ตกลงกันที่จะทำร้ายร่างกายนายดำ แล้วนายก กับนาย ข ได้ร่วมกันชกต่อยเตะทำร้ายร่างกาย
นายดำ กรณีเช่นนี้ ทั้งนาย ก และนาย ข มีเจตนาร่วมทำผิดด้วยกัน เรียกว่าร่วมใจ
ตัวการนั้น ผู้กระทำผิดต้องร่วมมือและร่วมใจ หากขาดไปประการใดประการหนึ่งไม่ถือเป็นตัวการ
2. ผู้ใช้ให้กระทำความผิด
    ผู้ใช้ให้กระทำความผิด หมายถึง บุคคลที่คิดและตกลงใจจะกระทำความผิดอย่างหนึ่งแต่ไม่ได้กระทำกลับใช้คนอื่นโดย การจ้าง
การวาน การยุยงส่งเสริม การบังคับ การขู่เข็ญ ด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผู้อื่นทำแทน
3. ผู้สนับสนุน
    ผู้สนับสนุน คือ ผู้ที่กระทำการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด เช่น นายดำต้องการยิงนายแดง
นายขาวให้นายดำยืมปืนไปเพื่อไปยิงนายแดง นายขาวเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด
4. ผู้โฆษณา คือผู้ที่กระทำการชี้นำชักชวน จนผู้อื่นคล้อยตาม และกระทำความผิดตามคำโฆษณานั้น

การพยายามกระทำความผิด
      พยายามกระทำความผิด คือ ผู้ที่ลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่เป็นผลสำเร็จตามความต้องการของผู้กระทำ
ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษ สองในสามของความผิดสำเร็จ


การกระทำที่ไม่เป็นความผิด    

เรียกกันว่า การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย คือผู้ที่จำต้องกระทำการเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือผู้อื่นให้พ้นจากภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุผู้กระทำไม่มีความผิด ชาวบ้านเรียกกันว่า "การป้องกันพอสมควรแก่เหตุ"
เช่นนายดำยกปืนยิงนายแดง นายแดงจึงใช้ปืนยิงนายดำ จนถึงแก่ความตาย ถือว่าแดงป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

การกระทำผิดซึ่งได้รับยกเว้นโทษ
- เด็ก เด็กไม่เกิน7 ปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็น ความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ
- กระทำด้วยความจำเป็น คือ ผู้ที่ต้องกระทำผิดด้วยความ จำเป็นเพราะถูกบังคับ หรือด้วยความจำเป็นเพื่อให้พ้น
ภยันตราย ซึ่งภยันตรายนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ และได้กระทำไปไม่เกินสมควรแก่เหตุ
เช่น นายเอกไปช่วยงานแต่งงาน ถูกนักเลงหลายคนวิ่ง ไล่ทำร้าย นายเอกวิ่งหลบเข้าไปในห้องที่พวกเจ้าบ่าว
เจ้าสาวอยู่ นายดำมายืนกั้นไม่ให้นายเอกเข้าไปในห้อง นายเอกจึงชกนายดำกระเด็นไป แล้ววิ่งเข้าไปหลบ
ในห้อง ผิดฐานทำร้ายร่างกาย แต่กระทำด้วยความจำเป็น จึงไม่ต้องรับโทษ
- การกระทำตามคำสั่งโดยชอบของเจ้าพนักงาน
เช่นสิบตำรวจเอกดำไล่จับนายเหลือง สิบตำรวจเอกดำสั่ง ให้นายขาวช่วยจับนายเหลืองได้ ต่อมาปรากฏว่านาย
เหลืองไม่ใช่คนร้าย ไม่เคยกระทำความผิด การที่นายขาวจับนายเหลืองนั้น นายขาวมีความผิดฐาน
ทำให้นายเหลืองเสื่อมเสียเสรีภาพ แต่นายขาวได้ปฏิบัติตน ตามคำสั่งของเจ้าพนักงานและนายขาวเชื่อโดยสุจริตว่า
สิบตำรวจเอกดำได้สั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย นายขาวจึง ไม่ต้องรับโทษ

การกระทำผิดซึ่งมีเหตุลดหย่อนโทษ

- กรณีที่เป็นญาติ เช่นเป็นบุพการีกับผู้สืบสันดาน ตัวอย่าง บิดาทำต่อบุตร หรือพี่น้องร่วมบิดามารดาทำผิดต่อกัน "พี่สาวลักทรัพย์ของน้องชาย กรณีเช่นนี้กฎหมายให้ลง น้อยลง และถึงแม้จะเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ก็สามารถยอมความเลิกแล้วต่อกันได้"


-การกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ คือผู้ที่กระทำความผิด เนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและได้กระทำต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น เช่น นายดำกลับมาบ้าน เห็นนายเขียวมาเป็นชู้กับภรรยา
ตน และนายเขียววิ่งหนีออกจากบ้านไป นายดำวิ่งไล่ตาม ใช้มีดแทงนายเขียวจนตาย


-เด็กกระทำผิด 14-17 ศาลว่ากล่าวตักเตือน กำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติ หรือจะพิพากษาลงโทษ และให้ลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้นลงกึ่งหนึ่ง
17- 20 กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด ศาลจะลดมาตราส่วนโทษลงหนึ่งในสาม


-การบรรเทาโทษการที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งกระทำผิดไปนั้น ย่อมจะมีสาเหตุ และพฤติการณ์ที่แตกต่างกัน รวมทั้งผู้กระทำผิดนั้นเอง
ก็มิได้มีเหมือนกันทั้งร่างกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อมก็ แตกต่างกัน การกำหนดโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำผิดนั้น
จึงไม่อาจกำหนดตายตัวแน่นอนได้ กฎหมายจึงให้พิจารณา ข้อลดหย่อนโทษต่าง ๆ ให้แก่ผู้กระทำผิด กล่าวคือ สามารถ
ลดหย่อนผ่อนโทษให้แก่ผู้โฉดเขลาเบาปัญญา ผู้ตกอยู่ใน ความทุกข์อย่างสาหัส ผู้มีคุณความดีมาก่อน ผู้รู้สำนึก
และพยายามบรรเทาผลร้ายของการกระทำผิด ให้ความรู้แก่ศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นต้น